อัลลาบั๊ม2

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

สเตรียรอยด์คืออะไร

                สเตียรอยด์ เป็นชื่อเรียกของกลุ่มฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างจากต่อมหมวกไต ซึ่งสเตียรอยด์ที่ถูกสร้างขึ้นมีหลักๆ อยู่ 2 ชนิด คือ คอร์ติโซล (cortisol) และ อัลโดสเตอโรน (aldosterone)


            คอร์ติโซล จะถูกหลั่งออกมามากที่สุดในตอนตื่นนอน และน้อยที่สุดในตอนนอนหลับ เมื่อร่างกายมีภาวะเครียดเกิดขึ้น เช่น มีไข้ มีบาดแผล ได้รับการผ่าตัด หรือมีการออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งคอร์ติโซลเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยควบคุมภาวะเครียดหรือ ความกดดันเหล่านั้น นอกจากนี้สเตียรอยด์ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายในการบรรเทาอาการอักเสบควบคุมสมดุลของเกลือแร่และน้ำ รวมถึงมีบทบาทต่อเมตาบอลิซึ่มของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน             ส่วนอัลโดสเตอโรนทำหน้าที่ควบคุมสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย คือโปแตสเซียมและโซเดียม หากมีอัลโดสเตอโรนหลั่ง ออกมามากเกินไปก็จะทำให้ร่างกายขับโปแตสเซียมออกมาก กล้ามเนื้ออ่อนแรงและทำให้มีความดันโลหิตสูงได้
            
สำหรับสเตียรอยด์ที่ใช้เป็นยานั้น เป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในการรักษาโรค รวมถึงใช้ทดแทนในกรณีที่ร่างกายไม่สามารถสร้างฮอร์โมนดังกล่าวได้ สเตียรอยด์มีประโยชน์ต่อการรักษาโรคมาก บางครั้งจำเป็นต้องใช้เป็นอันดับแรก เช่น การรักษาโรค SLE การแพ้ยา เป็นต้น
 สเตียรอยด์ยังมีการใช้ในผู้ที่มีการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ เพื่อกดภูมิคุ้มกันและเกิดการยอมรับอวัยวะผู้อื่นได้ดีขึ้น  นอกจากนี้สเตียรอยด์ยังมีการใช้ในกรณีที่รักษาด้วยยาอื่นๆ แล้วไม่ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น รักษาโรคข้ออักเสบที่รุนแรงควบคุมไม่ได้ด้วยยาทั่วไป แต่ถ้าสงสัยว่ามีการติดเชื้อร่วมด้วย ห้ามใช้สเตียรอยด์โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงขึ้น
              รักษาโรคภูมิแพ้ที่รุนแรง ควบคุมด้วยยาอื่นไม่ได้ผล เช่น ยาต้านฮีสตามีนหรือยาขยายหลอดลม และควรใช้ในระยะเวลาสั้นใช้ในรูปยาทาเฉพาะที่ในการรักษาโรคผิวหนัง เพื่อลดอาการอักเสบและยับยั้งอาการคัน ซึ่งไม่ใช่เป็นการรักษาที่สาเหตุดัง นั้นเมื่อหยุดยาโรคอาจกลับมาเป็นอีกถ้าต้นเหตุยังคงอยู่
เนื่องจากสเตียรอยด์มีผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกายเกือบทุกระบบ การใช้สเตียรอยด์จึงอาจนำไปสูอันตรายมากมาย ที่สำคัญได้แก่
            การติดเชื้อ - สเตียรอยด์ขนาดสูงมีผลกดภูมิต้านทานของร่างกาย จึงทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อราได้ง่าย
           เกิดแผลในกระเพาะอาหาร - บางรายงานพบว่าสเตียรอยด์ทำให้มีการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น มีผลต่อเยื่อบุกระเพาะอาหารทำให้บางลง และยับยั้งการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ทดแทนเนื้อเยื่อเก่าที่หลุดไป
           
ยับยั้งการเจริญเติบโตในเด็ก - การใช้สเตียรอยด์ต้องใช้อย่างระมัดระวังในเด็ก และไม่ควรใช้ติดต่อกันทุกวัน
เนื่องจากสเตียรอยด์มีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของร่างกาย
            ทำให้กระดูกผุ - การใช้สเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้กระดูกผุได้
            ผิวหนังบาง - สเตียรอยด์ในรูปของยาทาภายนอก มีผลทำให้ผิวหนังบาง
           
เกิดลักษณะ Cushings syndrome -
การใช้สเตียรอยด์เป็นเวลานาน อาจทำให้มีอาการบวม ขนดก ผิวเข้มขึ้น เป็นต้น

            อันตรายจากยาสเตียรอยด์ ส่วนมากมักเกิดจากการใช้ยาผิดขนาด การใช้โดยไม่มีความจำเป็นหรือการใช้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น รับประทานยาตอนท้องว่าง ใช้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจทำให้มีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เช่น นี้เองที่ต้องพึงระวังในการใช้ยาโดยเฉพาะยาลูกกลอนที่มักมีส่วนผสมของสเตียรอยด์




ที่มา: http://www.vcharkarn.com/varticle/41934

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น